นอกเหนือจากการออกกำลังกาย การบริโภคอาหารให้ถูกหลักก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะในวัยผู้สูงอายุ ที่ต้องดูแลใส่ใจในเรื่องของอาหารการกินเป็นพิเศษ วันนี้เรามาดูเคล็ดลับดีดี สำหรับการบริโภคอาหาร เพื่อสร้างอายุยืนให้กับชีวิตของเรา
มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงและดีเอ็นเอ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท อย่างไรก็ดีเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะดูดซึมวิตามินบี 12 ได้ไม่ดีเท่าคนวัยหนุ่มสาว
ดังนั้น คุณควรเพิ่มการทานอาหารจำพวกปลา เนื้อ ไข่ และนม ซึ่งล้วนแต่มีวิตามินบี 12 ที่สูง
เป็นหนึ่งในธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีผลการสำรวจหนึ่งพบว่า คนส่วนมากจะทาน อาหารที่มีแคลเซียม น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่กระดูกจะเปราะหรือแตกหักได้ง่าย
ดังนั้นคุณควรทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงไม่ว่าจะเป็น นม ผักเคล หรือบล็อกโคลี่ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งของ แคลเซียม ชั้นยอด
วิตามินดียังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน เมื่ออายุมากขึ้นคุณควรเพิ่มการทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินดีอย่างซีเรียล นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือจะเลือกทานวิตามินดีที่อยู่ในรูปแบบของอาหารเสริมก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ และกระดูกให้แข็งแรง เมื่ออายุเพิ่มขึ้นการดูดซึมของแมกนีเซียมจะลดน้อยลง
ดังนั้นคุณควรเพิ่มการทานอาหารจำพวกถั่ว ไข่ นม ธัญพืชเต็มเมล็ด ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ที่มีเปลือกแข็ง ซึ่งเป็นอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
เมื่ออายุมากขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ระบบขับถ่าย โดยผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการท้องผูกได้มากกว่าวัยหนุ่มสาว
ดังนั้นควรเพิ่มการทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่างผักและผลไม้ซึ่งไฟเบอร์เป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยให้คุณขับถ่ายได้สะดวกขึ้น
กรดไขมันที่อุดมไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกายอย่างกรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคที่มักเกิดในผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นโรคไขข้ออักเสบ อัลไซเมอร์ หรือโรคจอประสาทตาเสื่อม
นอกจากเราจะพบไขมันโอเมก้า-3 ได้ในปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน เราก็ยังสามารถพบกรดไขมันชนิดนี้ได้ในผักบางชนิด เช่น ถั่วเหลือง วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น
แม้ว่าน้ำจะไม่ได้อุดมไปด้วยวิตามินหรือเกลือแร่ แต่น้ำถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณอายุมากขึ้น โรคภัยต่าง ๆ ก็อาจเริ่มถามหา ทำให้คุณต้องใช้ยาในการรักษาโรคซึ่งยาบางชนิดจะเพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายคุณขาดน้ำได้
ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอกจากนี้หากต้องการทราบว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอหรือไม่ ให้สังเกตที่สีของปัสสาวะซึ่งหากเป็นสีเหลืองเข้ม แสดงว่าคุณดื่มน้ำน้อยเกินไป
แหล่งที่มา : https://www.parrythailand.com/9-nutrients-for-healthy/